การสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของคนอื่น

นายจันได้ดําเนินการก่อสร้างบ้านในที่ดินของตนจนกระทั่งทําโครงสร้างทั้งหมดของบ้านเสร็จนายจันจึงทราบว่าประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของบ้านอยู่ในที่ดินของนายอังคารแต่นายจันก็ยังคง ก่อสร้างบ้านต่อไปจนแล้วเสร็จ เมื่อนายอังคารเจ้าของที่ดินข้างเคียงพบว่านายจันได้ปลูกบ้านรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของตน จึงเรียกให้นายจันรื้อถอนบ้านส่วนที่รุกล้ำพร้อมทําที่ดินให้เป็นเหมือนเดิม โดยนายจันเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด นายจันปฏิเสธโดยอ้างว่าตนก่อสร้างบ้านโดยสุจริต จึงไม่จําเป็นต้องรื้อถอนบ้าน และนายอังคารต้องไปจดทะเบียนสิทธิภาระจํายอมให้กับตนสําหรับ บ้านส่วนที่รุกล้ำด้วย หากท่านเป็นผู้พิพากษาท่านจะวินิจฉัยคดีนี้อย่างไร 


ปัญหาข้อนี้ มีประเด็นที่ต้องพิจารณาคือ การก่อสร้างบ้านของนายจันซึ่งรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของนายอังคารนั้นเป็นการสุจริตหรือไม่ ในเรื่องการสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่น ตามหลักกฎหมายมาตรา 1312 มีหลักว่า ผู้ใดสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริต บุคคลนั้นเป็นเจ้าของโรงเรือนส่วนที่รุกล้ำแต่ต้องเสียเงินให้แก่เจ้าของที่ดินเป็นค่าใช้ที่ดิน และจดทะเบียนสิทธิเป็นภาระจำยอม แต่หากผู้สร้างโรงเรือนรุกล้ำนั้นไม่สุจริต เจ้าของที่ดินจะเรียกให้ผู้สร้างรื้อถอนและทำให้ที่ดินกลับเป็นเหมือนดังเดิมโดยผู้สร้างเสียค่าใช้จ่ายเองก็ได้ จากข้อเท็จจริงตามปัญหาปรากฎว่า ขณะที่นายจันดำเนินการก่อสร้างบ้านจนโครงสร้างเสร๋จสิ้นทั้งหมดแล้วพบว่าบ้านที่สร้างรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของนายอังคารประมาร 10 เปอร์เซ็นต์ แต่นายจันมิได้ทำการแก้ไขหรือรื้อถอน แต่ยังคงก่อสร้างต่อจนแล้วเสร็จ แสดงให้เห็นได้ว่า การก่อสร้างโรงเรือนที่รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นนี้หาเป็นการกระทำโดยสุจริตไม่ กฎหมายจึงคุ้มครองให้เจ้าของที่ดินที่ถูกรุกล้ำให้มีสิทธิเรียกให้ผู้สร้างโรงเรือนรุกล้ำนั้นรื้อถอนและทำให้ที่ดินกลับเป็นเหมือนเดิม โดยผู้สร้างต้องออกค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนและปรับปรุงที่ดินเองทั้งหมด


สรุป นายจันต้องรื้อถอนบ้านที่สร้างรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของนายอังคารและทำให้ที่ดินกลับเป็นเหมือนเดิมโดยต้องออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด

Comments